รหัสรักลุ้นวิวาห์ อัพตอนที่2 (นิยายรักอารมณ์ดีสำหรับคนหน้าตาดี)

กระทู้สนทนา
http://pantip.com/topic/30477370   บทนำ

     http://pantip.com/topic/30478861  ตอนที่1





         เสียงรถยนต์ดังแว่วมาแต่ไกลก่อนจะเงียบสนิทแล้วจอดนิ่งอยู่หน้ารั้วไม้บ้านหลังหนึ่ง ชายหนุ่มนัยน์ตาคมในชุดสูทเรียบ เดินดิ่งเข้ามาด้วยมาดทะมัดทะแมง วันนี้ครบกำหนดสามวันแล้ว และเขาต้องมาตามใบสั่งของเจ้านายหนุ่มหล่ออย่างเลี่ยงเสียไม่ได้

      ถึงแม้ว่าการสละโสดแบบพิลึกพิลั่นของอคิน จะทำให้ชลภัทรต้องรู้สึกประหลาดใจ แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต้องนึกกังวล ในเมื่อการกระทำทุกอย่างของเจ้านายหนุ่มล้วนแฝงความหมายในที และไม่ว่าเรื่องน้อยใหญ่หรือจะลับสุดใต้หล้าสักแค่ไหน ไม่เคยสักครั้งที่อคินจะไม่บอกให้เขาได้รับรู้ และนั่นก็หมายถึงว่าเขาได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจระดับไหนกับคนอย่าง อคิน วิสิทธิ์ริยะ

     “สวัสดีครับ” ชลภัทรไหว้หญิงกลางคนที่นั่งข้างๆกานต์แก้ว พร้อมกับส่งยิ้มอย่างเป็นมิตร
     “แก้วคงต้องไปแล้วล่ะค่ะแม่” หญิงสาวส่งน้ำเสียงเศร้า ทอดอาลัยกับมารดา คล้ายไม่อยากพรากจากกัน
     “ไปเถอะลูก เพื่ออนาคตที่ก้าวหน้าของตัวเราเอง” กุลกรอง ปลอบประโลมลูกสาว
      แต่คำตอบจากมารดาก็ทำให้เจ้าตัวถึงกับตีหน้างง ‘นี่แม่ไล่เรางั้นเหรอ’ ชักสีหน้าน้อยใจคนนั่งข้างๆเล็กน้อย
ความจริงกุลกรองเข้าใจผิดนึกว่า กานต์แก้วไปฝึกงานกับบริษัทใหญ่โต และถ้าผ่านพิจารณาลูกสาวของเธอก็จะได้เข้าทำงานในตำแหน่งดีๆ และมีอนาคตก้าวหน้า และเรื่องที่เข้าหูคนเป็นแม่ทั้งหมดทั้งมวลนี้คงไม่พ้น กลิ่นเกล้า

      กานต์แก้วไหว้ลามารดาน้ำตาคลอ ก่อนจะโผกอดกันเพื่อระลึกถึงความผูกพันอีกครั้ง เธอหิ้วกระเป๋าเสื้อและของใช้ส่วนตัวเล็กน้อย เดินตามชายหนุ่มที่ปรี่ไปยังรถสปอร์ตหรูตรงหน้า
“พี่แก้ว” เด็กชายก้องวิ่งโขยกเขยกมาด้วยน้ำตารื้น ก่อนจะปัดป่ายมือเช็ดคราบที่เปรอะเปื้อนแก้มอูมของตนเอง
“ไม่ไปไม่ได้เหรอพี่แก้ว”
“พี่ต้องไปแล้วนะกล้า” กานต์แก้วฝืนพูดออกมา พานน้ำตาจะเอ่อไหล แต่ถูกน้องชายร่างป้อมเกาะชายกระโปรงแจดึงดันไม่ยอมให้ไปเด็ดขาด
“ไม่เอาอ่ะ กล้าไม่ให้พี่แก้วไป ถ้าจะไปกล้าต้องไปด้วย แงๆ” ก้องกล้าฝืนรั้งกานต์แก้วที่พยายามก้าวเดิน และแรงฮึดของน้องตัวดี ก็ทำให้หญิงสาวต้องใจอ่อน

กานต์แก้วทรุดลงคุกเข่า กอดน้องชายสุดหวงด้วยความรักและเอ็นดู น้ำตาที่คลอเคล้าดวงตาสวยเริ่มเอ่อไหลท้นอาบแก้มเนียนทั้งสองข้าง เธอส่งผ่านแววตาเศร้านั้นไปยังชายที่ยืนคอยท่าอยู่ข้างรถ คล้ายขอความเห็นใจ
‘เอาไงเอากันวะ’ ชลภัทรโพล่งในความคิด “ให้น้องคุณกานต์แก้วไปอยู่ด้วยก็ได้ครับ จะได้ไม่เหงา” ไม่รู้ว่าคำพูดที่หลุดจากปากนี้จะทำให้เขาหัวหลุดจากบ่าหรือเปล่า แต่ก็อดที่จะสงสารสองพี่น้องคู่นี้เสียไม่ได้

สักพักก้องกล้าก็กึ่งวิ่งออกมาพร้อมกับกระเป๋าสะพายลายโดราเอมอนใบโตด้วยใบหน้าแช่มชื่น รีบแจ้นจูงมือพี่สาววิ่งไปยังรถที่จอดรออยู่เกือบสามสิบนาที
กุลกรองและกลิ่นเกล้าออกมาส่งพร้อมกับโบกมือลา ถึงแม้แววตาของคนเป็นแม่จะเผยความกังวล แต่ก็ได้ชลภัทรที่ได้ออกปากไว้แล้วว่าจะดูแลลูกทั้งสองของเธอให้เป็นอย่างดี

ผิดกับแววตาของกลิ่นเกล้าถึงแม้จะเคลือบแฝงความเศร้าอยู่บ้าง แต่ก็เจือปนด้วยความอิจฉาในตัวพี่สาวของเธอ ‘ชิ ยัยเกล้าบ้า ไม่ใช่เรารึไงที่หาเรื่องให้พี่แก้ว สมน้ำหน้าอยากเกิดมาช้าดีนัก’ พร้อมกับเขกกะโหลกตัวเองไปสามที

“ทำอะไรน่ะยัยเกล้า” กุลกรองสังเกตเห็นท่าทางลูกสาวแปลกๆ เลยเอ่ยปากถาม
เด็กสาวไม่ได้ให้ความสนใจกับคำถามของมารดา พลันเสี้ยวประโยคในห้วงความคิดก็โพล่งถามผู้เป็นแม่ขึ้นมาคล้ายอัดอั้น
“ทำไมแม่ต้องให้หนูเกิดทีหลังพี่แก้วด้วย” เธอว่า ตามด้วยลงส้นหนักสองสามก้าว แล้วสะบัดร่างงอนลิ่วขึ้นบ้านไป กุลกรองได้แต่ยืนมองตาปริบๆงงกับท่าทางลูกสาว พร้อมกับส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย




เวลาผ่านไปชั่วโมงเศษๆตลอดระยะเวลาการเดินทางที่นิ่งเงียบมาโดยตลอด ชลภัทรเลยตัดสินใจที่จะทำลายความอึมครึมนี้ ด้วยรอยยิ้มกว้าง แล้วเอ่ยถามคนนั่งเบาะข้างอย่างนุ่มนวล
“คุณกานต์แก้วนี่โชคดีนะครับ”
“โชคร้ายมากกว่าค่ะ” หญิงสาวตอบ ใบหน้าเศร้ายังคงจดจ้องผ่านกระจกใสด้านข้าง
ไม่มีครั้งไหนๆที่เธอจะต้องห่างไกลแม่ ห่างไกลครอบครัวอันเป็นที่รักถึงเพียงนี้ กานต์แก้วเอามือกุมเหนืออก หลับตาพริ้มนึกถึงผู้เป็นพ่อที่จากไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน  ‘พ่อจ๋า แก้วกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องใช่มั้ยจ๊ะ’ เสียงสะท้อนในความคิด พลันน้ำตาก็ไหลรื้นคลอเคล้าดวงตาคู่สวยอีกครา

ถึงแม้อยากจะปลอบประโลมให้หญิงสาวนัยน์ตาสีนิลได้คลายความวิตกลงบ้าง แต่ชลภัทรก็ไม่รู้จะยกคำพูดใดๆมาช่วยฟื้นฟูจิตใจเธอได้สักนิดเลยในตอนนี้ นอกเสียจากระยะเวลาในการเดินทาง คงจะช่วยให้เธอได้ตั้งตัวกับอนาคตที่กำลังเปลี่ยนแปลงชีวิตไปจากนี้ได้ในไม่ช้า หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น….

“คุณกานต์แก้วครับ” เสียงนุ่มร้องทักหลายรอบ พร้อมกับสะกิดไหล่ให้คนที่ผล็อยหลับไปได้คลี่ตาตื่นขึ้นมา
“ถึงแล้วเหรอคะ”
“ยังหรอกครับ แต่เราต้องเปลี่ยนยานพาหนะใหม่”
“เปลี่ยนอะไรใหม่เหรอคะ” กานต์แก้วถาม แต่คำตอบของชลภัทรกับเป็นการผายมือไปยังอีกฝั่งของตัวรถ
กานต์แก้วก้าวขาเรียวลงมาด้วยความเมื่อยล้าและอ่อนเพลีย ต่อเมื่อเงยหน้ามองให้อยู่ในระดับสายตาแล้ว ความเมื่อยขบในตัวก็หายฉับพลันในทันใด
เบื้องหน้าคือท้องทะเลสีครามกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา สายลมที่พัดมาบางเบาพร้อมกับเสียงคลื่นกระทบเข้าฝั่ง ช่วยให้เจ้าตัวเผยรอยยิ้มสดใสผุดแต้มบนใบหน้าอีกครั้ง
“พี่แก้วๆ ก้องอยากเล่นทะเล” น้องชายน่าเอ็นดู กระตุกชายเสื้อกานต์แก้วเบาๆ
    “ไม่ได้หรอกคับ อย่าลืมสิว่าเราไม่ได้มาเที่ยวกันนะ” หญิงสาวโค้งตัวพร้อมกับชี้นิ้วสำทับเด็กชายก้อง ให้อยู่ในกิริยาสำรวม
    “เรือมาแล้ว เชิญครับ” ชลภัทรก้มศีรษะ ผายมือให้สองคนตรงหน้าเดินนำไปยังเรือสปีดโบ๊ทที่แล่นเข้ามาจอดเทียบยังชายฝั่ง
หลังจากทั้งสามขึ้นเรือเรียบร้อย ผู้ทำหน้าที่ควบคุมเส้นทางจึงเบนหัวกลับแล่นลิ่วไปยังจุดหมายเบื้องหน้าทันที

จุดหมายนั้นที่กานต์แก้วไม่เคยนึกเลยว่า อนาคตในภายหน้าเธอจะต้องเจอะเจอกับอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆข้อตกลงในพันธะสัญญาเรื่องของการแต่งงาน คือสิ่งเดียวที่เจ้าตัวเป็นกังวล
ทั้งชีวิตและลมหายใจ หากมีไว้ใช้เพื่อคอยใครสักคนสักคน หากแต่ฟ้ามืดมนอับจนซึ่งแสงนำทาง ชีวิตของเธอคงไม่ต่างอะไรกับเชือกฟางที่พาดแขวนไว้กับใบมีดอย่างนายอคินโดยแท้….





       ชลภัทรนำสองพี่น้องมาพบหนุ่มเจ้าของคฤหาสน์หลังงาม ที่ยังคงนั่งอารมณ์ดีทอดสายตาอยู่กับหนังสือในมือ
สายตาสองคู่ที่ต่างกวาดมองไปโดยรอบ แล้วรู้สึกทึ่งถึงความใหญ่โตโอ่อ่ากับภาพตรงหน้า ราวกับปราสาทหลังงามของเจ้าชายในนิทานถูกหยุดลงเพียงแค่นั้น

อคินละหนังสือในมือ เงยหน้าสบตาหญิงสาวแล้วก็ต้องนึกแปลกใจ เมื่อเห็นเด็กหุ่นจ้ำม่ำที่ยืนขนาบข้างเกาะแขนพี่สาวแจ
“คือ…” ชลภัทรรีบบอกเจตนาที่แท้จริง แต่ไม่ทันที่จะอธิบาย อคินก็ยกมือเป็นเชิงให้หยุด
“งั้นนายช่วยจัดการเรื่องเด็กด้วยละกัน จะพาไปอยู่ในห้องด้วยก็แล้วแต่ ส่วนเรื่องของเธอตามฉันมา” เขาพูดห้วนๆ ชลภัทรพยักหน้ารับเข้าใจกับประโยคลิ้นรัวของเจ้านาย ก่อนจะโอบไหล่เด็กชายก้องแล้วเดินนำไปยังห้องนอนของตน

“แล้วนั่นจะยืนทื่อเป็นรูปปั้นอยู่ตรงนั้นหรือไง” อคินชักสีหน้า เมื่อหญิงสาวยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น เขาส่ายหัวให้คลายอารมณ์ แล้วคว้าแขนของกานต์แก้วฉุดให้เดินตามไป
“จะ จะไปไหนคะ” หญิงสาวระล่ำระลัก พยายามปลดฝ่ามือหนา
อีกฝ่ายหันมาส่งแววตาดุ กานต์แก้วรู้สึกประหวั่นในอำนาจนั้น รีบสงบอาการดื้อรั้นก่อนจะเดินตามชายหนุ่มไปแต่โดยดี
“นี่ห้องนอนใครคะ”
“ถามแปลก ก็ห้องนอนของฉันกับเธอไง”
“แก้ว…แก้วต้องนอนกับคุณเหรอคะ”
“ใช่” คำตอบของอคิน เล่นเอากานต์แก้วรู้สึกจุกเกร็ง ‘นี่มันโชคดีหรือโชคร้ายกันนะ’
“ในระหว่างทดลองงาน เธอจะอยู่ในตำแหน่งว่าที่ภรรยาของฉัน และนี่คือกฎข้อระเบียบที่เธอจะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด” เขาบอกอย่างจริงจัง เดินไปหยิบกระดาษในลิ้นชักแล้วส่งให้หญิงสาวที่ยืนหน้าซีด แล้วหันหลังขวับออกจากห้อง แต่ก่อนไปเขาก็หันมากำชับกับกานต์แก้วอีกครั้ง
“และสี่โมงเย็นเธอต้องลงมาให้ตามเวลา และนั่น…” เขาว่าพร้อมกับชี้นิ้วไปยังตู้เสื้อผ้า “ต้องเปลี่ยนชุดใหม่ก่อนลงมาหาฉันด้วย”
เมื่ออคินพ้นสายตาไปแล้ว กานต์แก้วถึงกับทรุดนั่งอย่างทอดใจอยู่ปลายเตียง อยู่ดีๆความรู้สึกคิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ก็ผุดขึ้นมา พานน้ำตาจะไหลเสียดื้อๆ

เธอสลัดความอ่อนแอและหวั่นไหวออกจากความคิด แล้วเพ่งพิศกับรายละเอียดบนกระดาษอย่างถี่ถ้วน
‘กฏและข้อบังคับของว่าที่ภรรยา’
1.    ต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะกรณีใดๆ  ฝ่าฝืนปรับสองจูบ
2.    ห้ามออกความคิดเห็นจนกว่าจะเปิดโอกาส ฝ่าฝืนปรับหนึ่งจูบ
3.    ห้ามเถียง ห้ามต่อปากต่อคำ  ฝ่าฝืนปรับหนึ่งจูบ
4.    ห้ามใส่ชุดที่นำมาจากบ้าน เพราะมีชุดใหม่ในตู้เสื้อผ้า ฝ่าฝืนปรับหนึ่งจูบ
5.    ห้ามแสดงอาการไม่พอใจใดๆทั้งสิ้น ฝ่าฝืนปรับสี่จูบ
6.    ห้ามโกหก ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม ฝ่าฝืนปรับหนึ่งจูบ
7.    ว่ายน้ำด้วยกันทุกวันอาทิตย์เวลาสี่โมงเย็น ฝ่าฝืนปรับสามจูบ
8.    เวลารับประทานอาหารต้องลงมารอก่อนทุกครั้ง ฝ่าฝืนปรับหนึ่งจูบ
9.    ประการสุดท้าย หากยังเพิกเฉยและไม่ปฏิบัติตาม โทษฝ่าฝืนร้ายแรง นอนด้วยกันตลอดสามคืน….อคิน

“นี่มันกฏ!!หรือบงการกันนะ”
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งนิยาย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่